พบกระดูกสันหลังเคลื่อนหรือหมอนรองกระดูกปลิ้น MRIสำคัญหรือไม่?
เมิ่อมีการเข้าตรวจประเมินอาการปวดหลัง หรือ ปวดคอ และพบว่ามีอาการบ่งชี้ของกระดูกสันหลังเคลื่อน หมอนรองกระดูกปลิ้น หรือโรคอื่นๆทางกระดูกสันหลังเช่น…
– อาการปวดหลัง ร้าวลงขา หรือ อาการปวดคอ ร้าวลงแขน
– ปวดตึงกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ แขน
– ปวดตึงกล้ามเนื้อบริเวณสะโพก หลังส่วนล่าง หรือ ต้นขา หน้าขา
– อาการผิดปกติของกระดูกสันหลังที่เป็นมากขึ้นจนเกิดการกดทับเส้นประสาท เช่นอาการปวดร้าวลงขา หรือ ลงแขน มีอาการชา อ่อนแรง ร่วมด้วย รวมถึงมีความผิดปกติของระบบขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ
เมื่อตรวจพบอาการผิดปกติ MRI จึงสำคัญ
การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่อง MRI ไม่ใช่วิธีการรักษา แต่เป็นการวินิจฉัยเพื่อดูภาพของกระดูกสันหลัง เนื้อเยื่อต่างๆ เส้นประสาท หรือ ไขสันหลังว่ามีความผิดปกติอย่างไร ซึ่งการทำMRIสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังจึงสามารถนำไปช่วยในการตัดสินใจในขั้นตอนวางแผนการรักษาได้ถูกวิธี
MRI มีหลักการทำงานอย่างไร ?
เป็นการตรวจโดยอาศัยคุณสมบัติความเป็นแม่เหล็กของไฮโดรเจนอะตอมภายในร่างกาย ภายใต้สนามแม่เหล็ก MRI เป็นเครื่องมือบันทึกภาพทางการแพทย์ โดยส่งถ่ายพลังงานคลื่นวิทยุ (RF = Frequency)จากขดลวดส่งคลื่นวิทยุ ไปยังผู้ป่วยซึ่งนอนอยู่ในสนามแม่เหล็กแรงสูง และพลังงานเหล่านี้จะสะท้อนกลับมายังตัวรับสัญญาณ (Reciever coil) สัญญาณที่สะท้อนกลับมาจะถูกเปลี่ยนแปลงตามคุณสมบัติของเนื้อเยื่อ หลอดเลือด กระดูก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้คือข้อมูลสำหรับการสร้างภาพโดยคอมพิวเตอร์ ตามสรีระของผู้ป่วยจากส่วนของร่างกายที่ถูกกระตุ้นด้วยพลังงานนี้ ดังนั้นการตรวจMRI เป็นการตรวจที่ละเอียด เห็นภาพชัด ปลอดภัย รวมถึงให้ผลลัพธ์ที่แม่นย้ำ
การปฎิบัติตัวเมื่อจำเป็นต้องทำ MRI
1.การทำMRI เป็นการตรวจวินิจัยที่ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด เพียงแต่คนไข้ทำจิตใจให้สงบ นอนนิ่งผ่อนคลาย
2.ขณะทำMRI เครื่องจะมีเสียงขณะทำ แต่ไม่ก่อให้เกิดความอันตรายแต่อย่างใด
3.ระหว่างและขณะทำMRI มีเจ้าหน้าดูแลอยู่ตลอดเวลา
4.ระยะเวลาในการทำMRIใช้เวลาเพียง 30-45นาที ขึ้นอยู่ว่าคนไข้สามารถนอนนิ่งได้มากน้อยเพียงใด
5.การทำMRIผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหาร ยกเว้นในกรณีมีการฉีดสารทึบแสงเพิ่มเติม